สาหร่ายสไปลูลิน่าผง Spirulina Powder

Spirulina เป็นสาหร่าย สีน้ำเงินแกมเขียว (Cyanobacteria) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดแกรมลบ (Gram negative bacteria) มีลักษณะเซลล์เรียงต่อกันเป็นเส้นสาย (filamentous form) มีการเจริญเติบโตโดยการแบ่งเซลล์ (binary fission) สามารถสังเคราะห์แสงได้ และบางชนิดมีสมบัติในการตรึงไนโตรเจนจากอากาศ มีเม็ดสีซึ่งอยู่ในส่วนที่เรียกว่า chromoplasm มี chlorophyll a ใช้ในการสังเคราะห์แสง นอกจากนี้ยังมีรงควัตถุประเภท แคโรทีนอยด์ (carotenoid) ไฟโคไซยานิน (phycocyanin) แอลโลไฟโคไซยานิน(allophycocyanin)

Spirulina ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตอยู่ประมาณร้อยละ 12-20 ซึ่งเป็นพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharides) สารประกอบไนโตรเจนทั้งที่เป็นโปรตีนและไม่ใช่โปรตีน (non-protein nitrogen) เช่น กรดนิวคลีอิก เมื่อรวมกันจึงมีปริมาณสูงถึงร้อยละ 50-70 ของน้ำหนักแห้ง ในสไปรูริน่ายังมีกรดแอมิโนที่จำเป็น คือ methionine, cysteine และ lysine แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำนม เนื้อสัตว์ ไข่ แต่มีโปรตีนสูงกว่าโปรตีนจากพืชแหล่งอื่นๆ เช่น พืชตระกูลถั่ว

นอกจากนี Spirulina ยังเป็นแหล่งสำคัญของ วิตามิน B12 , วิตามิน B1 (thiamine), วิตามนิ B2 (riboflavin), วิตามิน B3 (nicotinamide), วิตามิน B6 (pyridoxine), วิตามินB9 (folic acid), วิตามิน C, วิตามิน D, วิตามิน A และวิตามิน E รวมทั้งเกลือแร่หลายชนิด ได้แก่ potassium, calcium, chromium, copper, iron, magnesium, manganese, phosphorus, selenium, sodium

ประโยชน์

ภาวะขาดสารอาหาร

เนื่องจาก Spirulina อุดมด้วยสารอาหาร ดังนั้นจึงช่วยเป็นสารเสริมในกลุ่มผู้ขาดสารอาหาร โดยมีงานวิจัยพบว่าในเด็กโรคขาดสารอาหารไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม พบว่าสไปรูไลนาเพิ่มน้ำหนักและแก้ไขภาวะโลหิตจางได้ (Simpore และคณะ, 2005) ยังมีรายงานด้วยว่าสไปรูไลนาเป็นการบำบัดเมลาโนซิสและเคราโทซิสเนื่องจากการได้รับพิษสารหนูเรื้อรัง (Misbahuddin และคณะ, 2006)

ลดการอักเสบของภาวะข้ออักเสบ

มีการศึกษา(Park และคณะ, 2008) พบว่า สไปรูไลนาจะช่วยกระตุ้นการหลั่ง Interleukin-2 ซึ่งช่วยควบคุมการตอบสนองการอักเสบ มีผลทำให้ช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวกับภาวะข้ออักเสบในผู้ป่วยสูงอายุ

โรคภูมิแพ้

มี Cingi และคณะ (2008) ได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูก 150 คน พบว่า Spirulina platensis สามารถลดการหลั่ง Interleukin-4 ที่เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบ ได้ 32% และผู้ป่วยมีอาการบรรเทาลง

หลอดเลือดและหัวใจ

พบว่า อาสาสมัคร 36 คนที่ได้รับสไปรูไลนา 4.5 กรัมต่อวัน เป็นเวลานานกว่าหกสัปดาห์ มีความเปลี่ยนแปลงในคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตอย่างสำคัญ คือ ลดคอเลสตอรอลรวม เพิ่ม HDL คอเลสเตอรอล ลดไตรกลีเซอไรด์ และลดความดันโลหิตทั้งขณะบีบและคลาย (Duran และคณะ, 2007) ในผู้ป่วยสูงอายุพบว่า สไปรูไลนาช่วยลดอัตราส่วน LDL ต่อ HDL ลงอย่างมากหลังได้รับเป็นเวลาสี่เดือน (Park และคณะ, 2008)

เพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกายและลดอาการกล้ามเนื้อเมื่อยล้า

มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medicine&Science in Sport&Exercise(2010) พบว่าสไปรูไลนช่วยลดระดับ Oxidative stress ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ทำให้นักกีฬามีสมรรถภาพในการฝึกซ้อมสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากสไปรูไลนามีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) กลุ่ม Phenolic compounds, Phycocyanins, Tocopherols และ beta carotene นอกจากนี้ได้มีการทดลองในนักวิ่งชาย 9 คน โดยให้สไปรูไลนาเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าระดับ Antioxidant เพิ่มขึ้นและมีสมรรถภาพในการออกกำลังกายสูงขึ้น