Psyllium Husk หรือ เทียนเกล็ดหอย เป็นแกลบที่ได้จากการโม่พืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Plantago ovata นิยมใช้เป็น fiber supplement เพื่อรักษาอาการท้องผูก
Psyllium Husk มีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็น Hemicellulose ที่ประกอบด้วย D-xylose (~62%) ซึ่งเป็นแกนหลักเชื่อมกับ L-arabinose (~20%), L-rhamnose (~9%) และ galacturonic acids (~9%)
Psyllium จัดอยุ่ในกลุ่ม mucilaginous fiber เนื่องจากมีความสามารถในการฟอร์มเจลในน้ำได้ ซึ่งความสามารถนี้มาจากเอนโสเปิร์มของเมล็ดที่ต้องการจะป้องกันเมล็ดไม่ให้ขาดน้ำและชุ่มชื้นอยู่ตลอด ทำให้มีลักษณะคล้ายเม็ดแมงลัก
คณประโยชน์
ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
เมื่อมีการบริโภค Psyllium เข้าไปจะเกิดกระบวนการหมักแบบใช้อากาศ (Anaerobic fermentation) ภายในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร และเนื่องจาก Psyllium มีปริมาณไฟเบอร์ในปริมาณสูงทำให้เกิดการย่อยสลายที่ช้ากว่าเพคตินและสร้าง butyrate และ acetate ปริมาณมาก โดย butyric acids มีฤทธิ์สารยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ (Antineoplastic activity) ซึ่งช่วยต้านการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ มีงานวิจัยทำการทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยให้ Psyllium 20 กรัมเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน พบว่ามีการสร้าง butyric acid เพิ่มขึ้น 42 เปอร์เซ็นต์ และลดลงเมื่อหยุดการให้ psyllium (Nordgaard และคณะ, 1996)
บรรเทาอาการท้องผุ
มีงานวิจัยทำการศึกษาในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังจำนวน 149 คน โดยให้บริโภค psyllium 15-30 กรัมต่อวัน พบว่า 85% ของผู้ทดลองที่อาการท้องผูกไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อมีอาการดีขึ้น 20% ของผู้ทดลองมีอาการตอบสนองช้าต่อ psyllium
(Voderholzer และคณะ,1997)
บรรเทาอาการท้องร่วง
เนื่องจาก psyllium มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำดี จึงช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ โดยทำการทดลองกับผู้มีอาการท้องร่วงที่ได้รับยาหลอกเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ gum arabic และ psyllium พบว่า ประมาณ 50% มีอาการท้องร่วงลดลง
(Bliss และคณะ ,2001)
บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
มีงานวิจัย (Perez-Miranda และคณะ, 1996) ทำการศึกษากับผู้ป่วยริดสีดวงที่มีอาการเลือดออกภายใน 50 คน พบว่ากลุ่มที่ได้รับ Psyllium เป็นเวลา 40 วัน มีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีอาการเลือดออกลดลงและริดสีดวงมีขนาดลดลง
ลดความอยากอาหารและช่วยควบคุมน้ำหนัก
มีการทดลองในผู้หญิง 17 คนให้บริโภค psyllium 20 กรัม 3 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหารและอีกครั้งหลังมื้ออาหารทันทีเป็นเวลา 3 วัน พบว่าเมื่อบริโภค psllium จะช่วยให้มีความรู้สึกอิ่มเพิ่มขึ้น และพบว่ามีการดูดซึมไขมันในมื้ออาหารนั้นลดลง
(Turnbull และ Thomus, 1995)
ป้องกันระดับไขมันในเลือดสูง
Sprecher และคณะ (1993) พบว่า ระดับคลอเลสเตอรอลลดลง 3.5% และระดับ LDL ลดลง 5.1% หลังจากกลุ่มทดลงบริโภค psyllium husk 8 กรัม 2ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์
นอกจากนี้ Bell และคณะ (1989) ศึกษากลุ่มทดลองผู้เข้าโปรแกรม the American Heart Association Step-1 diet จากนั้นให้บริโภค psyllium เป็นเวลา 8 สัปดาห์พบว่าระดับคลอเรสเตอรอลลดลง 4.8% และระดับ LDL ลดลง 8.8%
ต่อมามีงานวิจัยของ Vega-Lopez และคณะ (2001) ได้ทำการศึกษาผลของ psyllium ต่อไขมันในเลือดโดยพิจารณาถึงอายุและเพศที่แตกต่างกันของกลุ่มทดลอง ทั้งนี้ทำการทดลองโดยให้ psyllium 15 กรัมต่อวัน ในผู้ชายและในผู้หญิงก่อนและหลงหมดประจำเดือน พบว่าปริมาณ LDL choresterol ลดลง 7-9% ในทุกกลุ่มการทดลอง ระดับไตรกลีเซอด์ลดลง 17% ในผู้ชาย แต่เพิ่มขึ้น 16% ในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน สำหรับกลุ่มผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของระดับ ไตรกลีเซอไรด์
โรคเบาหวานและโรคคลอเรสเตอรอลสูง
งานวิจัยของ Anderson และคณะ (1999) ทำการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยชาย 34 คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2และคลอเรสเตอรอลสูงในระดับอ่อนถึงปานกลางร่วมด้วย โดยให้กลุ่มทดลองได้รับ psyllium 5.1 กรัม 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์พบว่าคลอเรสเตอรอลลดลง 8.9 % และระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่วัดหลังมื้ออาหารกลางวันลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับชุดควบคุม (control) โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆกับกลุ่มทดลอง