Carnitine คือ สารที่ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานโดยสามารถสังเคราะห์จากกรดอะมิโน2ชนิด คือ ไลซีน (Lysine) และ เมไทโอนีน(Methionine) พร้อมกับอาศัยตัวเร่งให้เกิดการสังเคราะห์ (Catalyst)ได้แก่ วิตามิน C, วิตามิน B3 (Niacin),วิตามิน B6 (Pyridoxin) และธาตุเหล็ก โดยจะถูกสร้างที่ตับและไตจากนั้นจะเก็บสะสมที่กล้ามเนื้อโครงร่าง หัวใจ สมอง และสเปิร์ม หากร่างกายขาดสาร Carnitine หรือมีไม่เพียงพอจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากไขมันสะสม อาจเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง และอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแขนขา อ่อนเพลีย ซึมและเหนื่อยง่าย
ประโยชน์ของ แอลคาร์นิทีน
ระบบหลอดเลือดและหัวใจ
L-Carnitine ทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์(Ttriglycerides)อยู่ในระดับต่ำและช่วยเพิ่มระดับ คอเรสเตอรอลที่มีประโยชน์ (HDL-คอ เรสเตอรอล) ในเลือด ดังนั้นจึงช่วยลดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดัน โลหิตสูงตามมา นอกจากนี้ L-carnitine สามารถใช้รักษาทั่วไปในอาการปวดหัวใจ เพื่อลดความต้องการยาและบำบัดให้ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบออกกำลังกายแล้วไม่มีอาการเจ็บหน้าอก มีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
L-Carnitine มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) โดยป้องกันการเกิด lipid peroxidation ของเยื่อหุ้มเซลล์ phospholipid และต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันที่จะเกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อหัวใจและระดับเซลล์เยื่อบุ
เพิ่มสมรรถภาพของระบบสืบพันธุ์ในผู้ชาย
การศึกษาทางการแพทย์พบว่าในการผลิตเชื้ออสุจิ ( sperm ) จำเป็นต้องใช้ L-Carnitine เพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ของอสุจิ โดยพบว่าในท่อนำอสุจิมีปริมาณของ L-Carnitine เข้มข้นอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเชื้ออสุจิต้องการพลังงานในการ oxidation และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไขมันให้อยู่ในรูป Mitochondria ซึ่งมีส่วนสำคัญในการให้พลังงานกับอสุจิเพื่อใช้ในการสร้างส่วนหางเพื่อการ เคลื่อนที่ที่รวดเร็วของอสุจิ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ L-Carnitine ในปริมาณที่เข้มข้น
จากผลการวิจัยพบว่าการเสริม L-Carnitine สามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรค idiopathic asthenospermia หรือเรียกว่า โรคเกี่ยวกับการที่อสุจิเคลื่อนที่ช้าผิดปกติมีอาการดีขึ้นได้ โดยการวิจัยกับผู้ป่วยจำนวน 100 คน ให้รับประทาน L-Carnitine ขนาด 3 กรัม/วัน เป็นเวลา 4 เดือน พบว่าผู้ป่วยทุกคนมีอาการดีขึ้น โดยมีการเคลื่อนที่ของอสุจิเพิ่มขึ้น และยังช่วยในการเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิมากขึ้นด้วย และมีผลการวิจัยที่คล้ายคลึงกัน โดยให้ผู้ป่วย asthenospermia รับประทาน L-Carnitine ขนาด 3 กรัม/วัน เช่นเดียวกันเพื่อวัดความเร็วของอสุจิ พบว่ามีผู้ป่วย 37 คน จากทั้งหมด 47 คน ที่มีความเร็วของอสุจิเพิ่มขึ้นและทุกคนมีค่าเฉลี่ยของจำนวนตัวอสุจิเพิ่ม ขึ้นเช่นเดียวกับงานวิจัยแรก
เพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกาย
L-Carnitine มีความสำคัญในการสร้างพลังงานโดยเฉพาะจากกรดไขมัน ในเซลล์กล้ามเนื้อ เนื่องจากการพากรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรียต้องมี L-Carnitine และในการออกกำลังกายร่างกายต้องการพลังงานโดยเฉพาะจากการเมแทบอลิซึมที่ต้องการออกซิเจน (aerobic metabolism) ด้วย
ทั้งนี้มีงานการวิจัยทำการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ L-Carnitine มาเสริมสร้างการออกกำลังกายให้ได้ดีและนานขึ้น โดยพบว่าการรับประทาน L-Carnitine เสริมครั้งเดียวในขนาด 2 กรัม ก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง และการรับประทานแอลคาร์นิทีน เสริมติดต่อกันในขนาด 2 กรัมต่อวันนาน 2-4 สัปดาห์ พบว่าการรับประทาน L-Carnitine เสริมครั้งเดียว ก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง มีผลช่วยเพิ่มสมรรถนะของการออกกำลังกายโดยยืดระยะเวลาที่จะเริ่มรู้สึกเหนื่อย เนื่องจาก L-Carnitine ช่วยลดปริมาณ lactate
L-Carnitine อาจเป็นผลิตภัณฑ์เสริมที่ช่วยเพิ่มกำลังให้กับนักกีฬาประเภท endurance เนื่องจากในนักกีฬาที่มีการใช้งานคาร์นิทีนปริมาณมาก ทำให้มีคาร์นิทีนที่สะสมในกล้ามเนื้อลดลง เมื่อรับประทาน L-Carnitine เสริมจะช่วยให้ระดับ L-Carnitine ในกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น จึงช่วยเพิ่มอัตราการเกิด fatty acid oxidation ในกล้ามเนื้อขณะที่ออกกำลังได้
ปริมาณที่แนะนำ
การรับประทานแอลคาร์นิทีน ในขนาดที่เหมาะสมคือ 2 กรัม/วัน จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพการทำงานและเกิดเมแทบอลิซึมโดยเฉพาะ fatty acid oxidation ได้เพิ่มขึ้น
จากการทดสอบหาค่า Lathal dose (LD) ของแอลคาร์นิทีน ในหนู พบว่ามีค่าเท่ากับ 8.9 - 9.1 กรัม/กิโลกรัมหรือเทียบเท่ากับขนาดในคนคือ 630 กรัม/วัน
Application: เป็นตัวนำพาไขมันเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญเพื่อสร้างเป็นกล้ามเนื้อ
อายุการจัดเก็บ: 2 ปีขนาดบรรจุ:
500 g/ bag
1 kg / bag